Sponser By Google Adsense

วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2552

ควันหลง น้ำท่วม เมืองกาญฯ

อืมมม ตอนแรก ว่าจะออกมาเขียนเล่าไปเรื่อยๆ
แต่ไม่ค่อยอยากให้บรรยากาศมันร้อนแรงไปกว่านี้
คนทำงานมันเหนื่อยใจ เลยรอให้ควันมันจางๆไปเสียก่อนดีกว่า

หลักการและเหตุผล (พยายามเขียนให้เป็นภาษาชาวบ้าน)
1. โรงไฟฟ้าเขื่อนศรีนครินทร์ และ เขื่อนท่าทุ่งนา เป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยมีหน้าที่ผลิตไฟฟ้าให้แก่ การไฟฟ้านครหลวง และ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค

2. เนื่องจาก โรงไฟฟ้าพลังน้ำ ก็ต้องใช้น้ำในการผลิตไฟฟ้า ดังนั้น เมื่อได้ไฟฟ้ามาใช้ ก็ต้องเสียน้ำออกไปให้กับแม่น้ำ หรืออีกนัยหนึ่ง หากต้องการน้ำเพื่อการชลประทาน สงกรานต์ ลอยกระทง อื่นๆที่ต้องการน้ำให้เต็มแม่น้ำลำคลอง ฯลฯ แทนที่จะปล่อยน้ำออกไปเฉยๆ ก็เอาน้ำไปผ่านเครื่องผลิตไฟฟ้า แล้วค่อยปล่อยน้ำออกมา ก็จะได้ทั้งไฟ ได้ทั้งน้ำ

3. ตามแผนที่ เส้นทางน้ำจะเริ่มจาก เขื่อนศรีนครินทร์ปล่อยน้ำออกเพื่อผลิตไฟฟ้า ผ่าน โรงไฟฟ้าเขื่อนท่าทุ่งนา ผลิตไฟฟ้าปล่อยน้ำ + เปิด ประตูระบายน้ำล้น ออกไปตาม แม่น้ำแควใหญ่ (ดูจาก google map ก็ได้
ดังนั้นจุดที่เริ่มจะท่วมจริงๆ จะอยู่หลังจากเขื่อนท่าทุ่งนาเป็นต้นไป

4. ตามปกติ หากเขื่อนศรีนครินทร์เดินเครื่องเต็มกำลังผลิต (720 MW) น้ำจะไหลออกมามาก เมื่อน้ำวิ่งไปถึงเขื่อนท่าทุ่งนา ทางเขื่อนท่าทุ่งนาซึ่งก็ผลิตไฟฟ้าเต็มที่ได้เพียง (39 MW) ดังนั้นเขื่อนท่าทุ่งนาซึ่งมีเครื่องผลิตไฟฟ้าตัวเล็กกว่าผลิตไฟเพื่อระบายน้ำไม่ท้ัน จะต้องมีการเปิดประตูระบายน้ำล้น (spill way) เพื่อป้องกันน้ำท่วมเหนือเขื่อนท่าทุ่งนา

5. ที่พูดไปทั้ง 4 ข้อ เป็นเส้นทางการปล่อยน้ำของแม่น้ำแควใหญ่ ซึ่ง ยังมีเขื่อนอีกเขื่อนหนึ่งในเมืองกาญฯ ซึ่งผลิตไฟฟ้าเหมือนกัน แต่อยู่บนเส้นทางของแม่น้ำแควน้อย ชื่อว่าเขื่อนวชิราลงกรณ (ไม่มีการันต์) ซึ่งทั้งแม่น้ำแควใหญ่ และ แควน้อย จะมารวมกัน เป็นลุ่มแม่น้ำแม่กลอง

6. ในส่วนของแม่น้ำแควน้อย ไม่มีผลกระทบเท่าใดนัก เนื่องจากเขื่อนวชิราลงกรณ ผลิตไฟฟ้าเพื่อปล่อยน้ำเต็มที่ได้ เพียง 300 MW ซึ่งน้อยกว่าเขื่อนศรีนครินทร์อยู่ 1 เท่ากว่าๆ

7. ทั้งหมดนี้จะบอกว่าจุดที่เกิดเหตุน้ำท่วมจะอยู่ที่บริเวณ หลังจากเขื่อนท่าทุ่งนาไปแล้ว จนไปถึง จุดร่วมของ แม่น้ำแควใหญ่ แควน้อย และ ลุ่มแม่น้ำแม่กลอง ไปจนถึงเขื่อนแม่กลอง (เป็นเขื่อนของกรมชลประทาน ไม่ได้ผลิตไฟฟ้า)
และที่ต้องปล่อยน้ำเนื่องจากต้องการผลิตไฟ ที่ต้องผลิตไฟเนื่องจากไม่อยากให้ไฟดับ ที่ไม่อยากให้ไฟดับเพราะ ...... (เติมเอาเองละกัน)


เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตามลำดับ
1. 13 สค. 52 เวลา 16.00 น แหล่งบงกชหยุดจ่ายก๊าซ ก๊าซหาย 600 MMSCFD คิดเป็น 3,500 MW.

2. ไม่มีก๊าซ ก็ผลิตไฟไม่ได้ วันนั้นได้แก้ไขโดย
- เพิ่มการผลิตจากถ่านหิน
- ซื้อไฟจากลาว (ปกติทุกวันนี้ก็ซื้ออยู่แล้ว แต่ต้องซื้อเพิ่ม)
- เพิ่มการระบายน้ำ (ผลิตไฟ) เขื่อนรัชประภา เขือนวชิราลงกรณ เขื่อนศรีนครินทร์ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ (บางส่วน)
- ซื้อไฟเพิ่มจาก SPP (ถ่านหิน, Renewable) (spp = ผู้ผลิตไฟรายย่อย)
- เพิ่มการผลิตจากน้ำมันเตา (ปกติเราไม่ได้ใช้ผลิตหรอก) และเนื่องจาก น้ำมันดิบราคาสูงขึ้่นฉันใด ปตท. ก็จะขายน้ำมันเตาให้ กฟผ. ในราึคาตามสัญญา (ตามสัญญา ราคาเท่าไหร่ คงไม่ต้องรู้ ที่แน่ๆ คนขายคงไม่ขาดทุน) กฟผ. ขาดทุนมั๊ย??? อืมมม ค่า FT เท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่ใช้ต้นทุนผลิตไฟมากขึ้น... ช่างเหอะ เด่วยาว เรื่องนี้ไม่ขอให้เป็นประเด็นละกัน เบื่อจะพูด

3. โอ้ยยย แค่นี้ชิวๆ ก๊าซหายไปนิดหน่อย ยังไหวๆ ผลิตไฟได้ ไฟไม่ดับ แต่ทว่า

4. 15 สค. 2552 เวลา 09.00 น ปตท.แจ้งแหล่ง Yadana(พม่า) หยุดจ่ายก๊าซขอให้ลดการผลิตจาก รฟ.ที่ใช้ก๊าซฯจากพม่า 550 MW

5. กฟผ. เริ่มเหงื่อตก ก๊าซจะหมดโลกแล้วหรือนี่ ประเทศไทยใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิงหลัก (70%) ผลิตไฟฟ้า เชียวนะ แล้วตูจะทำไงดีวะ หลังจากอึ้งกิมกี่ไป 5 นาที ว่าแล้วก็
- เวลา 09.05 น เพิ่มการเดินเครื่องที่ เขื่อนศรีนครินทร์ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เต็มที่
- เวลาเดียวกัน เขื่อนท่าทุงนาบอกว่า เขื่อนศรีฯ เองเล่นเดินเครื่องเต็มที่ ข้าก็ไม่ไหวอะดิ น้ำล้นเขื่อนพอดี ว่าแล้วก็ เปิด Spill Way ที่ เขื่อนท่าทุงนา

6. เวลา 19.40 น ปตท. แจ้งแหล่ง Yadana จ่ายก๊าซปกติ (โล่งตูด)

7. เวลา 23.48 น คนเข้านอนกันแล้วไฟใช้น้อยลง จึงลดการเดินเครื่อง และ ปิด Spill Way ที่ เขื่อนท่าทุ่งนา

8. 16 สค 2552 03.00 - 04.00 AM ระดับน้ำในแม่น้ำแควใหญ่ที่สถานีหนองบัววัดได้ค่าสูงที่สุด 28.5 ม.รทก. มีอัตราการไหล 2.90 ล้าน ลบ. ม.ต่อชั่วโมง และหลังจากนั้นระดับน้ำก็ค่อยๆลดลงไปเรื่อยๆ

----- แล้วน้ำก็ค่อยๆลดลงไปเรื่อยจนหายท่วม ต่อไปนี้ไม่เกี่ยวแต่อยากเล่า ----
9. 17 สค 52 เวลา 11.35 น ปตท.แจ้งแหล่งอาทิตย์หยุดจ่ายก๊าซก๊าซหาย 330 MMSCFD
คิดเป็น 1,900 MW. เฮ้ย ก๊าซมันจะหมดโลกจริงๆหรือนี่ โอ้ววววว แต่ยังโอ วะ ยังไหวๆ

10. แหล่งบงกช และแหล่งอาทิตย์ จ่ายก๊าซได้เต็มที่ วันที่ 19 ส.ค. 52 เอ้อออ หวังว่าคงไม่มีไรอีกนะ


---------------------------------------------------------------

เหตุการณ์สมมติ (หาสาระไม่ได้)
เจ้าหนูจัมมัย : ระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นมันสูงมั๊ย
เสียงตอบ : ก็สูงจริง
เจ้าหนูจัมมัย : แล้วมันวิกฤติมั๊ย
เสียงตอบ : ดูตามรูปจากสถานีวัดน้ำ ละกัน เวลานั้นหนะสูงสุดแล้ว

เจ้าหนูจัมมัย : แล้วเส้นวิกฤติมันประมาณไหน ใครกำหนด
เสียงตอบ : ใครกำหนดไม่รู้นะไอ้หนู รู้แต่ว่า กรมเจ้าท่าเค้ากำหนดพื้นที่มาว่าให้ข้าปล่อยน้ำได้เท่านี้ ข้าก็ปล่อยเท่านี้ เมื่อหลายๆๆๆๆๆๆๆๆปีก่อนเค้าก็ทดสอบแล้วว่าปล่อยน้ำเต็มที่แล้วระดับน้ำเป็นเท่าไหร่ กรมเจ้าท่าก็ให้ตามนั้น
เจ้าหนูจัมมัย : แล้วชาวบ้านเค้าเดือนร้อนได้ไงละ
เสียงตอบ : ไปถามชาวบ้านละกันนะน้องพี่ตอบไรไม่ถูกใจเด่วมีก่อม๊อบหน้าบ้านพี่
เจ้าหนูจัมมัย : ลุงๆ น้ำท่วมถึงไหนอ่ะลุง
ลุงตอบ : นั่นไง ร่องรอยน้ำยังอยู่เลย
เจ้าหนูจัมมัย : อ้าว นั่นมันพื้นที่ของกรมเจ้าท่านี่ลุง
ลุงตอบ : อ้าวเหรอข้าก็ไม่รู้หวะ ข้าเปิด รีสอร์ทมาได้ 5 ปีกว่าแล้วยังไม่เคยเห็นน้ำมันจะท่วมมาถึงนี้นี่หว่า เป็นเอ็ง เอ็งจะลงไปสร้าง ..... แถวนั้นมั๊ยละ
เจ้าหนูจัมมัย : ก็คงไปอ่ะลุง นู๋ชอบที่พักริมแม่น้ำ แล้วก็ชอบไปนั่งร้านอาหารริมแม่น้ำ

-*-



บ่นตอนนี้คงไม่มีใครเดือดเนื้อร้อนใจอะไร
ผลประโยชน์ก็ได้กันไปหมดแล้ว(บางรายก็ได้กำไรงาม.... -_-")
เจ้าไหนจะเป็นอะไรยยังไง ก็ช่างเหอะ การไฟฟ้าฝ่าย(ผิด) ทำไรก็ผิดไปหมด
จบแค่นี้ดีกว่า รายละเอียดอื่นๆ พวกจ่ายค่าเสียหายยังไง ไม่ผิด แล้วจ่ายทำไม ก่อม๊อบกันเลยดีมั๊ย ???????????? ปวดหัว ให้ผู้ใหญ่ๆ เค้าจัดการ
เราทำตามคำสั่งอย่างเดียว
เอ้าาาาาาา แค่นี้แหละ จะปั่นไฟต่อ

จบข่าว
สั้นๆง่ายๆ
งดการโต้เถียงใดๆ ที่จะทำให้เกิดการแตกแยก
บ้านเมืองแย่พอแล้ว Pleaseeeeeeee

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น